วันพฤหัสบดีที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561

HOW TO GET CCNP-TSHOOT


สวัสดีครับ สามปีเราได้กลับมาเจอกันใหม่กับการสอบของ cisco ซึ่งครั้งที่แล้ว ผมได้สอบ ccan track เก่าผ่านแล้ว ได้เขียนบทความเอาไว้ ใครที่ยังไม่เคยอ่านสามารถอ่านได้ที่ https://network-arm.blogspot.com/2015/03/ ครับ

เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า ครั้งนี้ผมได้สอบ CCNP-TSHOOT เนื่องจากใบ cert CCNA ผมกำลังจะหมดอายุ
ซึ่งรายละเอียดมีดังนี้
  1. วิชา CCNP-TSHOOT (300-135)
  2. ค่าสอบ ราคา 300 USD // valid 27-Feb-2018
  3. เวลาทำข้อสอบ 120 นาที + ไม่ใช่เจ้าของภาษา อีกประมาณ 30 รวมๆมีเวลาทำข้อสอบประมาณ 150 นาทีครับ

ซึ่ง TSHOOT ผมเลือกสอบเป็นใบแรกเนื่องจาก ทางบริษัทที่ทำงานอยู่ ได้ส่งไปอบรมครับ หลายๆคนอาจจะสงสัยว่า ไม่สอบ Route กับ Switch ก่อนแล้วสอบได้ด้วยหรือ คำตอบคือได้ครับ ซึ่งตัวผมได้เคยเทรน Route มาแล้ว แต่ยังไม่เคยไปสอบ ส่วน Switch ก็มีอ่านบ้าง ยังไม่ได้สอบเหมือนกัน

มาเข้าหัวข้อหลักกันดีกว่า ผมเตรียมตัวอย่างไร
  1. อย่างแรกที่ผมจะแนะนำครับ https://www.networktut.com
  2. Register และจ่ายเงินแบบ Premium 1 เดือน ราคา 15 USD // 2 เดือน ราคา 26 USD (valid on Feb-2018)
  3. ฝึกทำข้อสอบ และเข้าใจโจทย์ทุกข้อครับ
  4. ทุกอย่างอยู่ใน premium จอวง netwotktut.com ครับ ไม่มีนอกเหนือจากในนี้ (valid on Feb-2018)

สอบอะไรบ้าง
  1. เนื้อหาจะครอบคลุมในการแก้ปัญหาตั้งแต่ ระดับ ccna + ccnp
  2. 16 Troubleshooting Tickets, 1 Simlet, 6 MCQ
  3. ข้อสอบจริง 19 ข้อ (แบ่งเป็น 12 Troubleshooting Ticket, 1 simlet และ 6 MCQ)

รายละเอียดแต่ละข้อหัว (valid Feb-2018)
Troubleshooting
  1. ทั้ง 16 ข้อจะใช้ diagrams ที่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทำความเข้าใจ diagrams และ command ที่ใช้งานก่อนครับ
  2. สิ่งที่ช่วยได้คือ https://www.networktut.com/download/TSHOOT_PING-plan-SAM.pdf จะเป็น flow chart ที่บอกว่าเราจะเช็คแต่ละปัญหาอย่างไร
  3. เริ่มลงมือทำ lab ในเว็บ networktut.com
  4. Lab troubleshoot เราไม่ต้องแก้ไข config แค่บอกว่าปัญหาเกิดที่อุปกรณ์อะไร // หัวข้อที่มีปัญหา // command หรือแนวทางในการแก้ไข


Simlet
  1. ข้อสอบจะเหมือน กับ Premium ของ networktut.com เลยครับ จะแตกต่างกันที่หมายเลข remote-as BGP และ IP ที่ใช้ในการ peer
  2. ในข้อสอบจริง ข้อนี้เราต้องแก้ไข config ( เป็นข้อเดียวในข้อสอบที่เราต้องแก้ไข config)
  3. สิ่งที่เราต้อง change คือ remote-as number ที่ใช้ peer IBGP และ แก้ไข IP ที่จะ peer กับ ebgp


MCQ
  1. ออกตามใน MCQ ในเว็บ networktut.com เลยครับ

การเตรียมตัว
สอบครั้งนี้ผมใช้เวลาเตรียมตัวประมาณเดือนครึ่งครับ โดยการเตรียมตัวนั้นผมจะมุ่งเน้นไปทาง Troubleshooting Tickets โดยส่วนใหญ่ โดยผมจะวาด PING-plan-SAM ไว้ในหัว แล้วไล่ทำ ticket ตั้งแต่ 1-16 โดยพอทำเสร็จ จะกลับมาสุ่มทำให้ครบทั้ง 16 ข้อ โดยเวลาเฉลี่ยวันธรรมดาผมจะใช้เวลาประมาณ ชั่วโมง - ชั่วโมงครึ่ง ส่วน เสาร์-อาทิตย์ จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ

ในการฝึกการทำ lab โดยส่วนใหญ่ถ้าเรา show running เราก็จะเห็นในสิ่งที่มันแปลกๆไป แต่โจทย์บางข้อ ในข้อสอบจริง show running ผมเห็นว่ามันถูกต้อง เพราะฉะนั้นผมแนะนำว่า ให้ฝึก command อื่นๆไปด้วย เช่น อยากรู้ว่า nat ผูกกับ interface ไหนก็ใช้คำสั่ง "show ip nat sta"

ผมได้รวบรวมคำสั่งที่ผมใช้ในการสอบ ส่วนตัวผมคิดว่าน้อยนะครับ น่าจะมีประโยชน์กับหลายๆท่านครับ

PC1: ping 10.1.1.1
Ping 10.1.1.2
Ping 10.2.1.1

DSW1: show standby
Show ip interface (not valid in exam)
Show ip route
ASW1: show ip int bri
Show interface trunk
RT1: show ip bgp nei
Show ip nat sta
Show access-list
Show ip route
R3: show ipv6 ospf nei
R4: show ip eigrp nei

ส่วนใน lab ของ premium zone command ที่สามารถใช้ฝึกได้ก็จะมี



โปรแกรมที่ใช้ในการเตรียมตัว
1. Premium zone (https://www.networktut.com)
2. Eve-NG

คำแนะนำ
1. เข้าไป update ข้อมูลล่าสุดที่สอบกันในเว็ป https://www.networktut.com/share-your-tshoot-v2-0-experience
2. พยายามฝึกทำโจทย์ และทำความเข้าใจในแต่ละ command
3. หน้าตาของข้อสอบจริง จะประมาณนี้ครับ https://www.cisco.com/c/dam/en_us/training-events/le3/le2/le37/le10/tshoot_demo.html

ปล.ถ้าบทความนี้มีอะไรผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยครับ



วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2558

การผูก VMware Workstation เข้ากับ Interface จริงของ Computer

     สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดถึง การใช้งาน VMware Workstation โดยจะนำขา Interface ใน VMware Workstation เข้ามาผูกกับ อุปกรณ์จริงในเครื่อง และผูกเข้ากับ VMware อีกตัวที่เราสร้างขึ้น โดยหลักการของที่เราจะทำประมาณนี้ครับ


     โดยหลังจากที่เราติดตั้ง VMware Workstation ไปแล้ว จะมีอีกโปรแกรม เข้ามาด้วยชื่อ Virtual Network Editor ซึ่งจะเป็นพระเอกในงานนี้ครับ


     โดยหลังจากที่เราเข้าโปรแกรม  Virtual Network Editor แล้วให้เราเลือก Change Setting ครับ

หลังจากนั้นให้เราเลือกการกำหนดค่าดังนี้ โดยเราจะปรับ เป็น Mode Bridged และแต่ละ Mode จะมีความหมายดังนี้
  • Bridged         :               เป็นการผูกขา Interface เข้ากับ VMnet ที่เราสร้างขึ้น
  • NAT               :               ทำการสร้าง Network ขึ้นมาใหม่อีกวงหนึ่ง โดยเราสามารถกำหนด Subnet IP และ Subnet Mask ได้
  •  Host-only       :               คล้ายๆกับ Mode Bridge แต่จะผูกเข้ากับ Vm ที่เราสร้างอีกอันนึง แต่ไม่สามารถผูกเข้ากับขา Interface ของจริงได้ 

โดยเราจะทำการกำหนดค่าตามนี้
  • VMnet0 >> Wireless (Dell Wireless 1705 802.1………) โดยค่านี้ในชื่อแต่ละเครื่องจะไม่เหมือนกัน
  • VMnet2 >>  Lan Card (Realtek PCIe FE Family Controller)




หลังจากนั้นให้เข้าโปรแกรม VMware Workstation และ Create VM ตามที่เราต้องการ แต่ในขั้นตอนสุดท้ายให้เราเลือก Customize Hardware…


หลังจากนั้นให้เราเลือก
-          Network Adapter
o   เปลี่ยนจาก NAT เป็น Custom: Specific virtual network
§  VMnet0


หลังจากนั้นให้เราทำการ Add Hardware เพิ่ม


โดยทำการ เลือก  Network Adapter และกด Next


หลังจากนั้นให้ทำการเลือก Custom และทำการเปลี่ยนเป็น VMnet2


ส่วนใน VMware Windows 7 ตัวที่ 2 ก็ทำการเลือก Card Lan ใบเดียวและผูกกับ VMnet2 ก็จะเสร็จเรียบร้อยครับ

*ถ้าบทความนี้มีอะไรผิดพลาด ขอโทษใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ









วันจันทร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558

HOW TO GET CCNA

สวัสดีครับ นี่เป็นบทความแรกที่ผมจะเขียน HOW TO GET CCNA - 2 มีนาคม 2558


ขอเล่าก่อนนะครับ ว่าทำไมผมถึงอยากสอบ CCNA อันดับแรก ตอนที่คิดว่าจะสอบ CCNA ตอนนั้นทางมหาลัยได้มีวิชา Network โดยใช้ Packet Tracer สอน ในตอนนั้นผมกำลังเรียน ปริญญาตรีอยู่สาขา Information Technology ผมรู้สึกว่าผมชอบ Network มากกว่าเขียนโปรแกรม (สมัยเรียนผมเคยงงกับแลป บางตัวแต่ผมสามารถนั่งอยู่กับมันได้ทั้งวัน) ตอนที่ไปฝึกงาน เกี่ยวกับ ระบบเครือข่ายพี่ที่ดูแลก็บอกว่า ลองไปสอบ CCNA ก่อนอันนี้ก็เริ่มจุดประกายในตัวผม ผมก็เลยเริ่มตัดสินใจว่าจะสอบ CCNA

ในอันดับแรก จะมี 2 แบบให้เราสอบเพื่อที่จะได้ CCNA นะครับ
1.สอบ วิชาเดียว 200-120 CCNA Cisco Certified Network Associate (803) (ผมเลือกตัวนี้ครับ)
2.สอบ สองวิชา
     1) 100-101 Cisco Networking Devices Part 1 (ICND1)
     2) 200-101 Cisco Networking Devices Part 2 (ICND2)

การเตรียมตัว CCNA ของผม เริ่มต้น ตุลาคม 2557 - กุมภาพันธ์ 2558 ( 5เดือนเต็มๆครับ )
1. วางแผน และสร้างกำลังใจให้ตัวเอง
     1) บังคับให้เวลาเปิด Website ให้ตั้ง Page แรกมาเปิดเกี่ยวกับการสอบ CCNA ครับ และตั้งใจว่าจะอ่านทุกครั้งก่อนที่จะเปิด Computer ใช้ในแต่ละวัน (เอาความเป็นจริงทำไม่ได้ครับ แต่อย่างน้อยก็วางเป้าหมายไว้ก่อนก็ยังดี)


     2) ตั้ง Wallpaper เป็นใบ Cert ของคนอื่นครับ เพื่อเป็นกำลังใจว่าเราต้องสอบให้ได้ครับ (ผมแอบอายนะเนี่ย)


2. ทำแลปที่เคยได้เรียนในมหาลัย (ด้านล่างจะมี Link อยู่นะครับ) ปรากฏว่า 1 เทอมที่เรียนตัวนี้มา ผมสามารถทำตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใน 1 วัน


3. หนังสือเกี่ยวกับ Subnet ทำหมดภายใน 1 วันเช่นเคยครับ (มี Link ด้านล่างครับ)


4. หนังสือ Todd Lammle ผมว่าเล่มนี้ดีนะครับ เพราะเค้าไม่ได้มุ่งเน้นว่าเราจะแค่สอบผ่าน แต่ยังให้ความรู้ในเชิงกว้างอีกด้วย ปัญหาอย่างแรกที่อ่านหนังสือเล่มนี้คือ ภาษาอังกฤษ เลยครับ เพราะมันมี 1200 หน้า วันแรก 4 ชม. ผมอ่านได้ 8 หน้า ครับ แปลทุกคำที่ผมไม่รู้ ตัวผมเองก็ไม่ได้เก่งภาษามากมาย มีแต่เรียนกับทางมหาลัย พออ่านไปได้สองสามบท เริ่มไวครับ จนบทหลังๆผม ผมสามารถอ่านได้วันละบท (บทละ 50-70 หน้าครับ) (เราไม่จำเป็นต้องแปลทุกคำ เราอ่านเข้าใจความหมายว่าเค้ากำลังพูดถึงอะไรก็พอครับ)


5. เรียนครับ ผมได้ลงคอสเรียนไว้สองที่
     1) Ko-Chaiwat https://www.facebook.com/chaiwat.amorn?fref=nf
     2) Running-Config https://www.facebook.com/running.config
ทุกคนคงสงสัยว่า ผมอ่านจบหมดแล้วยังต้องเรียนอีกหรอ คำตอบผมคือ คุณเข้าใจสิ่งที่คุณอ่านมากน้อยแค่ไหนครับ สำหรับผมแล้วการอ่านหนังสือ คุณก็จะได้ในสิ่งที่หนังสือเขียน แต่การที่คุณไปเรียนเท่ากับ การที่คุณไปย้ำในสิ่งที่คุณอ่านและการเปิดรับสิ่งใหม่ๆและประสปการณ์ที่ไม่มีในหนังสือครับ และอีกเรื่องหนึ่งทำไมผมถึงเรียนสองที่ อันนี้ถือว่าโชคดีครับ ผมลงเรียนไว้ที่นึงแล้ว คราวนี้ทางมหาลัยได้จัดอบรมครับ เลยเรียนสองที่เลย ^^

6. ทบทวนครับ
เรื่องนี้ถือว่าสำคัญที่สุดครับ ถ้าผมไปเรียนมาแล้วผมไม่กลับมาทบทวน เท่ากับว่า ผมได้เสียเงินไปเปล่าๆ หลังจากที่ผมได้เรียนกลับมาแล้ว ผมจะทบทวนในสิ่งที่วันนี้ไปเรียนมา เสร็จแล้วผมจะอ่านล่วงหน้าไปในเรื่องที่พรุ่งนี้เรียน

7. ข้อสอบ
     7.1 - Choice & Multichoice หลังจากที่ผมอ่านทบทวนในสิ่งที่ผมเรียนมาเรียบร้อยแล้ว จนผมมั่นใจว่าถึงเวลาที่จะลุยข้อสอบ โดยการเตรียมตัวของผม จะพึ่ง 2 อันนี้เป็นหลักๆครับ
          1) certdumps (อันอื่นก็ใช้ได้เหมือนกันครับ)
          2) http://www.9tut.com
โดยหลักๆแล้วผมจะ อ่านใน certdumps มากกว่า โดยผมจะนั่งไล่ทำความเข้าใจทีละข้อเลยครับ ในชุดที่ผมมี ก็มีประมาณ 300 ข้อ ผมไล่อ่านและทำความเข้าใจว่าทำไมข้อนี้ถึงตอนข้อนี่ ตั้งแต่ 1-300 ครับ โดยหลักการอ่านของผมจะมีดังนี้ครับ
          1# ปริ้นข้อสอบพร้อมเฉลย ทำความเข้าใจทีละข้อตั้งแต่ 1-300


          2# ปริ้นข้อสอบโดยลบคำตอบออก


          3# ปริ้นตาราง เปล่ามีช่องว่างตั้งแต่ 1-300 ครับ


          4# นั่งทำครับ โดยทำเสร็จ 100 ข้อ ผมจะพัก 5 นาที (เคยนั่งทำยาวๆครับ หลังๆเบลอ) หลังจากที่ครบ 300 ข้อ ผมจะมานั่งตรวจคำตอบ แล้วมาดูว่าข้อไหนที่เราผิด ทำไมเราถึงทำผิด แล้วเหตุผลที่ทำให้ข้อนี้ถูกคืออะไร


          5# คะแนนที่ผมลองทำ ข้อสอบเป็นจำนวน 10 รอบครับ
          1-272/300
          2-276/300
          3-272/300
          4-274/300
          5-272/300
          6-294/300
          7-297/300
          8-298/300
          9-299/300
          10-300/300
       *จะสังเกตุได้ว่า ครั้งที่ 5 กับ 6 คะแนนมันโดดขึ้นอย่างมาก โดยหลังจากจบครั้งที่ 5 แล้วผมเลือกปริ้นในข้อที่ผมคิดว่าผมยังไม่ได้จริงๆ แล้วมานั่งไล่ทำความเข้าใจใหม่ครับ แต่ก็ยอมรับบางข้อ ผมเลือกใช้จำเอา โดยเมื่อทำครบ 10 รอบ บางข้อผมแทบไม่ต้องอ่านโจทย์เลย ดูจากคำตอบก็รู้ว่าต้องตอบข้อไหน

     7.2 Drag & Drop
           ในส่วนของ Drag & Drop ผมได้ทำ File PDF ขึ้นมา File นึงเลย แล้วเอาไปอ่านใน IPAD โดยโจทย์ทั้งหมดผมนำมาจาก http://www.9tut.com ทั้งหมด โดยนั่งอ่านและทำความเข้าใจว่าต้องทำอย่างไรบ้าง (ในข้อสอบผมโดน Drag & Drop เยอะครับ น่าจะประมาณ 5-6 ข้อได้)


     7.3 Lab
           อันนี้เป็นส่วนที่ผมให้ความสำคัญเยอะที่สุดครับ เราต้องเข้าใจแต่ละคำสั่งว่าทำงานอย่างไร ในอันดับแรก ผมกลับไปอ่าน
           7.3.1 หนังสือแลปที่เรียนในมหาลัย
           7.3.2 หนังสือที่เรียนกับพี่โก้มาทบทวน ว่าในแต่ละ Lab คำสั่งใช้ทำอะไรบ้าง
           7.3.3 นำ Lab ที่ไปเรียนกับพี่เล็ก มานั่งลบ Config ออกแล้วไล่นั่งพิมทีละคำสั่งโดยไม่เปิดดูเฉลยครับ (บางส่วนผมก็เพิ่มเข้าไปเองเพื่อ ทำให้ตัวเองเข้าใจมากขึ้นครับ)


           7.3.4 Load Lab ทุกอันมานั่งทำจาก Website http://www.9tut.com ลองนั่ง Config ทีละอันครับ
           7.3.5 หาข้อมูลจาก Website http://www.9tut.com ว่าช่วงนี้ข้อสอบออกอะไรบ้าง (ช่วงก่อนสอบผมสามารถเขียนทุกคำสั่งได้อย่างถูกต้อง โดยการเปิด Lab แล้วพิมพ์ทุกคำสั่งลงใน Notepad) ผมทำแบบนี้ทุกวันก่อนสอบ ประมาณ 1 อาทิตย์ โดยผมจะกำหนดตัวเองว่า ถ้าพิมพ์ผิด เราต้องพิมพ์แบบนี้ใหม่ 3 รอบ (เคยมากสุด ผิด 3 รอบติดครับ ลองคูณนะครับ วันนั้นผมต้องพิมกี่รอบ)




8. สอบ
    การสอบของผมนั้น ได้ลงทะเบียนเองจากทางเว็บ pearsonvue.com (มีบัตรเครดิต) ถ้าไม่มีบัตรเครดิตแนะนำให้ไปสมัครตามศูนย์สอบครับ เค้าจะไปจ่ายเงินทาง pearsonvue.com ให้อีกทีแต่จะมีค่าน้ำชาเล็กน้อยครับ
    - วันสอบ 02/03/2015
    ผมลงทะเบียนไว้รอบ 14.00 (เพราะผมอยากใช้เวลาช่วงเช้าทบทวนอีกรอบครับ) ตอนแรกผมกะว่าจะขับรถไปแต่พอดี ตอนเช้าฝนตก เลยไม่แน่ใจว่ารถจะติดมากน้อยขนาดไหน เลยนั่ง BTS ไปครับ ผมไปถึงตั้งแต่ 12.00 ก็นั่งอ่านหนังสือข้างล่างทบทวนรอบสุดท้ายครับ ขึ้นไปที่ห้องสอบเวลา 13.15 เจ้าหน้าที่ก็ให้เราลงทะเบียนก่อน แล้วเค้าบอกว่าพร้อมสอบเลยมั้ย ผมบอกขอ 15 นาทีครับ เดินออกไปข้างนอกดูวิวให้สบายใจ ทำใจกับการสอบ และผมก็กลับมา 13.30 บอกทางเจ้าหน้าที่ว่าพร้อมแล้วครับ เจ้าหน้าที่ก็พาผมไปยังสถานที่สอบ โดยเป็น Computer 1 ตัว เค้าก็จะอธิบายนิดหน่อย มี Whiteboard กับ ปากกา แล้วก็แปรงลบกระดานให้ (ห้ามนำอุปกรณ์ทุกชนิดเข้านะครับ ขนาดนาฬิกาเค้ายังไม่ให้ผมเลย T_T) โดยทางศูนย์สอบจะมี ล๊อกเกอร์กับกุญแจให้
     แรกเริ่มก็จะเป็นการอธิบายในการทำข้อสอบ โดยมีเวลาให้เรียนรู้ 15 นาทีครับ
     ส่วนต่อไปข้อสอบจริง CCNA มีเวลาให้ 110 + 30 (เพราะเราไม่ใช่เจ้าของภาษาครับ) = 140 นาที
     *คลิกดูให้หมดทุกอย่างนะครับ ข้อสอบกด Next ไปแล้วเราไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้ เวลาค่อนข้างเยอะ อย่าใจร้อน ผมใช้เวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมง และกด Finish Exam ครับ เหมือนคอมจะค้างไป 15 วินาที และขึ้นว่า Congratulate ใจผมนี่ ผ่านแล้วครับ ผ่านแล้ว ก็นั่งอ่านต่ออีกนิดว่า เค้าจะจัดส่งเอกสารให้ตามที่อยู่ (ผมก็จำไม่ค่อยได้ ตอนนั้นกำลังดีใจครับ) แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะปริ้นเอกสารมาให้เราครับ


โปรแกรมที่ใช้ในการฝึกฝน
     1) Cisco Packet Tracer
     2) GNS3
          ในการฝึก Lab ทั้งหมดในระดับ CCNA ผมว่า Packet Tracer ถือว่าเพียงพอครับ แต่ถ้าใครอยากทำใน GNS3 ซึ่งใช้ IOS ของจริงที่อยู่ในอุปกรณ์อันนี้ก็ไม่ว่ากัน หรือบางคนจะใช้ อุปกรณ์ของจริง อันนี้ก็แล้วแต่ตามสะดวกเลยครับ (ใน Lab ACL2 ผมลองทำในอุปกรณ์จริงรอบนึงครับ ต้องขอบคุณทาง ดร.ศรันย์ นาคถนอม ด้วยครับที่ให้ผมมีโอกาศได้ทดลองกับอุปกรณ์จริง)

Link Download
1) Lab Cisco KMITL
2) ทบทวน IPv4 Subnet

ปัญหาที่เจอ
     1) แน่นอนครับ ภาษาอังกฤษ โดยผมจะมีสมุด Note เล่มนึงครับ จดศัพท์ที่เราไม่ได้ ว่างเมื่อไหร่ก็หยิบมาอ่านครับ (ผมเชื่อว่าทุกคนที่ผ่านจุดนี้จะสามารถอ่านภาษาอังกฤษได้คล่องกว่าเดิมเยอะครับ)
     2) กำลังใจครับ บางทีคนรอบข้างเราไม่เข้าใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ครับ อย่างผม ผมบอกล่วงหน้ากับที่บ้านเลยว่าไม่ค่อยมีเวลานะ และอธิบายถึงเหตุผลว่าทำไมผมถึงอยากสอบ CCNA
     3) ที่ปรึกษาครับ ก่อนที่ผมจะได้ไปเรียนกับท่านเทพทั้งสอง หลายสิ่งหลายอย่างผมก็งมอยู่นานครับ (มันไม่ใช่แบบว่าเรียนจบแล้วเราจะแยกย้ายจากกันไปครับ ท่านพี่ๆทั้งสองก็คอยให้คำปรึกษาผม ขนาดวันก่อนสอบผมยังถามอยู่เลย)
     4) ความตั้งใจครับ ผมจะย้อนกลับมามองตัวเองเสมอว่า ทำไมเราถึงอยากได้ CCNA เพราะพอผมจับข้อสอบจริงมันไม่ได้ยากเกินความสามารถของเราแน่นอน ผมจึงต้องบอกตัวเองเสมอว่า เราจะต้องมี Cert. ควบคู่ความรู้ เราจะไม่จำไปสอบ เราต้องเข้าใจกับมันด้วยครับ ว่าเพราะอะไรถึงตอบข้อนี้ (แต่บางข้อผมก็ยอมรับนะว่าผมจำจริงๆ T_T)
     5) วางแผนการอ่านหนังสือและการสอบครับ ถ้าสามารถกำหนดวันสอบได้ยิ่งดีเลย เพราะเป็นการบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือครับ เพื่อนๆผมสอบเสร็จแล้วไปเที่ยวเฮฮากัน ส่วนผมหรอครับ กลับบ้านครับ นั่งทำข้อสอบ T_T จริงๆแล้วผมตั้งใจจะสอบ ตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้วแต่ก็ต้องมีเหตุที่เลื่อนออกไปเรื่อย จนต้องกำหนดเลยครับ ว่าเป็นวันนี้

คำถาม
1) สอบเท่าไหร่ถึงผ่าน
    คะแนนเต็ม 1000 ครับ ผ่าน 825
2) เวลาสอบใช้ tab กับ ? ได้หรือไม่
    สำหรับที่ผมอ่านจากต่างประเทศมา กับที่ถามผู้ที่เคยสอบมาก่อน บอกว่าได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตอนที่ผมสอบ ใช้ได้หมดครับ ทั้ง tab และ ?
3) ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
    เตรียมตัวและเตรียมใจครับ ค่าสอบมันแพง วันที่ผม Confirm Order ตอนจ่ายเงินนี่แทบกด Mouse ไม่ลงครับ หลังจากที่จ่ายเงินแล้วช่วงก่อนสอบ อารมณ์เครียดมาล้วนๆครับ กลัวสอบไม่ผ่าน (ออกเงินเอง)
4) เอาอะไรเข้าห้องสอบได้บ้าง
     ไม่มีเลยครับ เค้าจะให้ล๊อกเกอร์ไว้เก็บของ เราเข้าไปตัวเปล่าครับ
5) สมัครสอบอย่างไร
     ตาม Link นี้เลยครับ พี่โก้ เขียนไว้ชัดเจนดีครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=likecisco&date=07-09-2011&group=6&gblog=1
6) ข้อสอบที่ผมเจอเป็นอย่างไร
     ทั้งหมดรวมกัน มี 51 ข้อครับ Drag & Drop 5-6 ข้อ Lab ออก ACL1 ACL2 EIGRP (2/3/2015)
7) ค่าสอบเท่าไหร่
     295 USD ประมาณ 9,440 บาท ครับ (เรทวันที่ 2/3/2015 ประมาณ 32 บาท)

Website แนะนำ
1) http://www.9tut.com
2) http://likecisco.bloggang.com (เค้าว่ากันว่าเป็นเว็บที่ดีที่สุดในโลกครับ ไม่เชื่อลองเข้าไปอ่านครับ)
3) http://running-config.blogspot.com

คำแนะนำ
     ***ดูข้อสอบที่ช่วงนี้ออกสอบกันบ่อยๆได้จาก 9tut.com ในส่วน Share your (new) CCNA Experience ครับ

สุดท้าย ต้องขอบคุณครอบครัว ที่ให้โอกาศและเข้าใจว่าผมกำลังเตรียมตัวสอบ เพราะแรงกดดันค่อนค่างสูงครับ เพราะสอบด้วยตัวเอง ขอบคุณ พี่โก้ ชัยวัฒน์ ที่เป็นอาจารย์ทางด้าน Network สอนสิ่งที่ดีๆให้แก่ผมถึงขนาดถึงขั้นจับ Packet ดูกันเลยทีเดียวและยังเป็นที่ปรึกษาในการสอบ CCNA ครั้งนี้ รวมถึง พี่เล็ก ธนัญชัย ปัญญาเทวหิรัญ (Running-Config) ที่มอบสิ่งดีๆ เปิดโลกใหม่แห่งการเรียนรู้ สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ดร.ศรันย์ นาคถนอม อาจารย์ที่สอนผมเกี่ยวกับ Subnet และ Routing พร้อมทำให้ผมรู้จัก Network ครับ ขอบคุณครับ

ปล.ถ้าบทความนี้มีอะไรผิดพลาด ต้องขออภัยด้วยครับ